การถวายภัตตาหารและน้ำปานะแก่พระพุทธเจ้าและพระอรหนต์ที่เข้าสู่ปรินิพพาน

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย iofeast, 14 กันยายน 2007.

  1. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815
    ตอนที่ 1


    เมื่อก่อนหน้านี้ แม้หลวงพ่อ(เมธาวี)เองยังไม่ทราบว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันต์ที่เข้าสู่ปรินิพพานแล้ว จะทรงรับภัตตาหารและน้ำปานะได้ พึ่งมาทราบเม่อปี 44
    พระสีวลีและพระมหากัจจายะนะ ท่านก็บอกว่าแม้ท่านเข้าสู่ปรินิพพานแล้ว พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทุกพระองค์ ก็สามารถฉันภัตตาหาร น้ำปานะ หรือน้ำเภสัชได้ ถ้ามีผู้ประเคนหรือถวายตามกาลเวลาที่ถูกต้องก็ฉันได้ หรือจะไม่ฉันก็ได้ ได้ทั้ง 2 อย่าง เพราะพระอรหันต์ทั้งหลายทำลายตัณหาแล้วจะอยู่เป็นล้านปี เป็นโกฎปีไม่ฉันก็ได้ แต่ว่าเมื่อมีผู้ศรัทธาจะถวายก็ฉันได้ แต่ฉันแบบเทวดา คือฉันแล้วอาหารของมนุษย์ก็ยังคงเหลือเหมือนเดิมอยู่ ผู้ถวายสามารถนำมารับทานต่อได้ และพระอุสุสวาหาพุทธเจ้าก็ทรงรับสั่งให้จัดถวาย และวันหนึ่งหลวงปู๋มั่นได้กล่าวว่า อย่าดื่มน้ำชาต่อหน้าพระอรหันต์ ท่านจะอยากดื่มด้วย ถึงไม่ยึดติดก็ตาม



    หลวงพ่อเมธาวี ธัมมะทานโก
     
  2. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815
    หลังจากนั้น พระพุทธเจ้า ก็อนุญาติให้เราจัดน้ำปานะ น้ำเภสัช และภัตตาหารถวายแด่ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ทั้งหลายได้ จึงได้จัดทำมาตลอดพรรษา ทุกเช้าภัตตาหาร ทุกเย็นคือ น้ำปานะและเภสัช
    โยมที่ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ ทางศีล สมาธิ ปัญญา ก็พูดว่า
    "หลวงพ่อ ถ้านักวิทยาศาสตร์ มาเห็นเราทำอย่างนี้ เขาจะไม่คิดว่าเราบ้าหรือ"

    หลวงพ่อก็ตอบว่า "เออ ช่างเถอะ ก็เราเห็นเรารู้อย่างเราเข้าใจ อย่างนี้ก็ต้องทำอย่างนี้ เราทำตามความเป็นจริง เรามีสติรู้ทันตามความไม่สูญ พระธรรมไม่สูญ พระนิพพานไม่สูญ พระสงฆ์ไม่สูญ สูญแต่กิเลสตัณหาเท่านั้น เรายังพูดคุยกับพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ได้ และกับเทวดาได้ ของจริงมีแล้วจะให้โกหกหลอกลวง ใครจะทำได้ เราไม่ใช่ศาสนาหลอกลวง ของเรานี้เห็นจริงด้วยจิตที่มี ศีล สมาธิ ปัญญา แล้วจะให้โกหกได้อย่างไร "

    อันนี้ได้ทูลถามพระพุทธเจ้าแล้ว พระองค์ทรงกล่าวว่า พูดความจริงไม่เป็นไร

    ครั้งหนึ่งได้ทูลถามพระองค์ว่า "ข้าพระพุทธเจ้าได้เดินบิณฑบาท ขณะเดินอยู่ได้แสดงธรรม มีเทวดาได้ มรรค ผล การเดินแสดงธรรมอย่างนี้ต้อง อาบัติทุกกฎหรือไม่"

    พระองค์ทรงตอบว่า ไม่ต้องอาบัติ เพราะการแสดงธรรมมีผู้ได้ มรรค ผล ถือว่าประเสริฐแล้ว

    การทำอะไร ถ้าทำไปโดยประโยชน์สูงสุด ทำตามความเป็นจริง ไม่โกหกหลอกลวง เช่นพูดว่า "บรรลุอรหันต์"
    ถ้าเป็นจริงเป็นความจริง ก็ไม่ต้องอาบัติ ปาราชิก แต่ถ้าไม่เป็นความจริง ก็เป็นปาราชิก ขาดจากความเป็นพระ แม้ฆราวาส ก็เป็นบาปหนัก ตกอเวจีนรกเช่นกัน



    หลวงพ่อเมธาวี ธัมมะทานโก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2007
  3. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815
    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราพึ่งจะทราบ แต่ก็เป็นสิ่งที่ดี เป็นบุญ เป็นกุศลกรรมในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่เรื่องงมงายที่มองไม่เห็น เพราะว่าคนที่มองไม่เห็นแหล่ะเป็นผู้งมงาย ถ้าอยากมองเห็น ก็จงฝึกหัดพระธรรมให้มี ศีล สมาธิ ปัญญา ท่านก็จะรู้เองเห็นเอง การพิสูจน์อริยสัจจธรรม พิสูจน์พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือ พระอรหันต์ ตลอดทั้ง เทวดา พรหมา "ก็ต้องพิสูจน์ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา" เท่านั้น เมื่อทำได้จริง ก็ย่อมเห็นของจริง

    ถ้าอยากพิสูจน์เรื่องนี้ ก็ขอเชิญผู้มี ศีล สมาธิ ปัญญา หรือผู้เข้า ฌานได้ มาจากทิศทั้ง 4 ให้พิสูจน์ดูได้ด้วยตนนั้นแล



    หลวงพ่อเมธาวี ธัมมะทานโก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2007
  4. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815
    พระสะมีเตสุสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ในสมัยพระสะมีเตสุสัมมาสัมพุทธเจ้า มนุษย์มีอายุยืนยาวเป็นอสงไขย มีความสูงใหญ่มาก เป็นผู้มีผิวขาวสอาด อยู่บนแผ่นดินที่ขาวสอาด มีน้ำใสสอาดบริสุทธ์ มีปลาสีทอง มีอาหารเป็รทองคำ มีความอิ่มตลอดเวลา

    มนุษย์มีความเป็นอยู่อย่างมีความสุขเหมือนเทวดา ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมีแต่แก่ตาย ส่วนมากจะจุติมาจากพรหมเอสัญญี (หรือเทวดาแต่มีน้อยมาก) ทุกคนจะเกิดมาจากไข่ที่ตกจากฟ้า มาแตกหรือฟักไข่ที่มนุษย์โลกนี้ เมื่อตกถึงพื้นหรือไม่ก็เกิดจากต้นไม้ แต่มีจำนวนน้อย จึงไม่มีพ่อแม่ มีแต่พระพุทธเจ้าพระองค์เดียวที่มีพ่อแม่ เกิดจากครรภ์ คลอกออกมาก็เดินได้ พูดได้เลย และพระมารดาก็มรณภาพภายใน 7 วัน

    อาหารการกินก็เกิดขึ้นเอง ต้องการอะไรก็ได้กิน และกินมื้อเดียวเท่านั้น เพราะว่าทุกคนถือศีล 8 หรือ 9 ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่มีใครทำชั่วเลย จึงไม่มีใครตกนรก และเสื้อผ้าที่ใส่ก็ตกมาจากท้องฟ้าเป็นสีทอง หนังสือก็ไม่ต้องเรียน เพราะเกิดมาแล้วก็อ่านได้พูดได้เลย และรู้อดีตชาติของตนด้วย มีหูทิพย์ตาทิพย์ จึงพูดคุยกับเทวดาได้

    เมื่อพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นก็ได้ฟังพระธรรม พระธรรมจักร ก็อนุโพธะโก มรคค ผล เข้าสู่อรหันต์ 3ล้านกว่าองค์ เพราะคนสมัยนี้ต้องมีบุณบารมีจริงๆจึงจะเกิดได้


    หลวงพ่อเมธาวี ธัมมะทานโก
     
  5. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815
    คนสมัยนี้ปกครองง่าย ไม่ต้องมีนายอำเภอไม่มีผู้ใหญ่บ้าน อยู่กันอย่างสุขสบายดี มีอายุเป็นอสงไขย พวกเทวดาก็มีอายุพอๆกัน ส่วนพระพรหมจะมีอายุมากกว่า

    พระสะมีเตสุสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระชนม์มายุ ทั้งในโลกมนุษย์และในนิพพานมาจนถึงบัดนี้ 5000 อสงไขยแล้ว

    พระองค์ทรงตรัสว่า หลังจาก 3000 ปีแล้ว โลกนี้จะไม่มีมนุษย์อยู่ต่อไป จากนั้นประมาณ 2 ล้านปี จะมีเทวดา หรือ พรหม ผู้มีศีลมาเกิดประมาณ 2 คน เพื่อสร้างโลกมนุษย์ต่อไป เมื่อมนุษย์มีจำนวนครบ 100000 คน พระศรีอริยเมตไตยจะลงมาเกิด มีอายุยืน 80000 ปี จนกระทั่งมนุษย์มีจำนวน 8 ล้าน จะตรัสรู้เป็นอรหันต์ 6 ล้าน เหลือ 2 ล้าน อายุของพระศาสนานี้ก็จะอยู่ต่อไปอีก 100000 ปี


    หลวงพ่อเมธาวี ธัมมะทานโก
     
  6. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815
    เฮ้ย ไอ้ท่านบ๊อง คราวก่อนบอกว่าศีล 5 ท่านไม่มีสักตัวไม่ใช่หรือ ซ้ำยังเอาคำสอนในไบเบิ้ลมายำ สอดไส้อีก คราวนี้ก็เปลี่ยนอีกแล้ว ปรมัตถ์อีกแล้ว(เพราะมันเพิ่งอ่านเจอไง) ที่แน่ๆ ไปเช็คสมองก่อน ถ้าไม่ไป ก็จองเมรุไว้เถอะ(จะได้ไปเกิดใหม่ เผื่อจะฉลาดขึ้น)จะได้ไม่ขายขี้หน้าวงตระกูล ฮ่าฮ่าฮ่า

    ป.ล.สับสนทางเพศแล้วอย่าสับสนทางจิตอีกซิจ๊ะ 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2007
  7. putipongb

    putipongb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,844
    คบควายก็จะชวนไปโง่กินหญ้าไถนาอย่างลุงนั่นแหละ(eek)
     
  8. putipongb

    putipongb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,844
    อวดตนว่าเป็นพระศรีก็ติดคุกในนรกเหมือนกัน(eek)
     
  9. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815

    ไปพล่ามกับเตี่ยท่านเถอะนะ ฮ่าฮ่าฮ่า
     
  10. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815

    ไอ้บ้า เที่ยวลอกเขาไปทั่ว ศาสนาอื่นก็ไม่มีเว้นแล้วเอามาสอดไส้ ยัดไส้อีกตะหาก เปรตมาก รวิพังนี่มันเปรตมากๆๆๆๆๆๆ ฮ่าฮ่าฮ๋า
     
  11. putipongb

    putipongb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,844
    นั่นแหละยิ่งลงนรกขุมลึกมากกว่าเดิมอีก(evil) (evil) (evil)
     
  12. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815
    มันบอกตรงๆแล้วว่ามันเป็นความในร่างเปรตนรกที่มีรสนิยมวิตถารน่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า
     
  13. xanxus

    xanxus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +175
    ศีลปรมัตถ์ คือ ศีลอะไรหรอคับ ??
     
  14. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815
    ศีลปรมัตถ์มีด้วยกันสามประเภทอันได้แก่

    ศีล 227 ข้อ
    ศีลที่เป็นส่วนของมรรคมีองค์แปด ที่แยกออกเป็น
    ศีล - พูดชอบ เลี้ยงชีพชอบ การงานชอบ
    สามธิ -ความเพียรชอบ สมาธิชอบ มีสติชอบ
    ปัญญา-ความเห็นชอบ ดำริชอบ

    อีกอย่างหนึ่งก็คือ สำรวม อินทรีย์ 6 อันได้แก่ "สำรวมตาเห็นรูป สำรวมหูฟังเสียง เป็นต้น"
    แตกต่างจากศีล 5 นอกจากจะมีแค่ 5 ข้อแล้ว ศีล 5 ยังจดว่าเป็นศีลสามัญ ที่คนทั้วไปในโลกนี้ก็ทำได้ แต่ศีลปรมัตถ์ ต้องใช้ความเพียรพยายาม และเนกขัมมะบารมีสนับสนุน จึงจะทำได้สำเหร็จและนำพาตนให้พ้นจากเครื่องร้อยรัดแห่งภพชาติในที่สุด

    หลวงปู่พุทธะอิสระ​
     
  15. MegaFM

    MegaFM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +1,446
    ลุงนี่อ่านบทความจบหรือยังจึงรีบด่วนสรุปคนอื่นอย่างนั้น
    ผมเข้าใจว่าคุณ จขกท. ไม่ได้แต่งบทความเอง เขาไปคัดบทความมาจากหนังสือ หลวงพ่อเมธาวี ธัมมะทานโก
    ผมเข้าใจถูกหรือเปล่า
     
  16. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815

    ถูกแล้วจ๊ะ มีก็แต่ไอ้ท่านบ๊องรวิพังเนี่ยแหละ ที่ไม่ค่อยเข้าใจภาษาที่ชาวบ้านเขาสื่อสารกัน ฮ่าฮ่าฮ่า
     
  17. siarayamarata

    siarayamarata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    389
    ค่าพลัง:
    +511
  18. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815
    มาถึงก็เพ้อเจ้อเลยนะ ตุ๊ดตู่หลายจ้อยนี่ เอวัง
     
  19. putipongb

    putipongb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,844
    หายไปหลายวันก็ยังนับเลขได้ไม่เกินนิ้วมือ+นิ้วเท้า เวรกรรม
     
  20. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,171
    ค่าพลัง:
    +7,815
    การถวายอาหารเครื่องดื่มแด่พระพุทโธหรือพระอรหันต์จะต้องมีพิธี ถ้าจะให้ดีจะต้องถวายหรือประเคนแก่ภิกขุที่ศีลก่อนแล้วให้ท่านถวายแก่พระพุทโธหรือพระอรหันต์
    โดยภิกขุต้องกล่าวคำถวายว่า "อิมานิ ภัตตานิ สะปริวารานิ สัมมาสัมพุทธานัง อรหันตานัญจะ อภิปูชะยามะ (คนเดียว อภิปูชะยามิ) "
    ถ้าเครื่องดื่มอย่างเดียว ก็กล่าวว่า "อิทัง อุทะกัง(น้ำ) ปานัง(น้ำผลไม้) เภสัชชัง (น้ำเภสัช) อย่างใดอย่างหนึ่งแทนคำว่า ภัตตานิ สะปริวารานิ

    ถ้าจะให้ฆราวาสประเคนจะต้องมีสมา จิต ที่มองเห็นพระพุทโธโดยตาทิพย์ได้ แต่ถ้าเป็นพระภิกขุประเคนจะไม่มีตาทิพย์ก็ได้แต่ต้องมีศีลสะอาด และก่อนถวายจะต้องรู้ก่อนและมั่นใจว่าพระพุทโธหรือพระอรหันต์ประทับอยู่ที่พระพุทธรูป หรือ ที่หิ้งพระนั้น หรือ ตรง อาสนะที่จัดถวายนั้น แต่ถ้าไม่มั่นใจก็ต้องนิมนต์ไว้ก่อน คือทำการสวดมนต์เช้า-เย็นอยู่3วันว่า "ขอกราบนิมนต์พระสัมมาสัมพุทธานัง และพระอรหันต์ทั้งหลายประมาณ 5พระองค์ (หรือ 10 พระองค์ตามต้องการ) มาฉันภัตตาหารและปริวารา(บิรวาร)ที่นี้ ตอน 9 โมง วันที่....หรือขึ้น...

    ให้จัดอาหารดังนี้
    1.พระพุทโธ4-5พระองค์ ต่อ 1 ชุด หรือ 1 สำรับ ถ้ามีบาตรหนึ่งลูกยิ่งดี
    2.พระอรหันต์ 4-5พระองค์ ต่อ1 ชุด หรือ 1 สำรับ ถ้ามีบาตรหนึ่งลูกยิ่งดี จัดอาสนะปูเป็นที่แต่ละพระองค์ แต่ให้วางอาหารเครื่องดื่มตรงหน้าอาสนะองค์แรกหรือองค์กลางหรือองค์สุดท้าย แต่ถ้ามีพระอรหันต์สุปะวาสาด้วย จัดชุดเดียวฉันได้ถึงหนึ่งแสนองค์ เพราะท่านขยายออกได้มาก

    เพราะอะไรถึงให้จัดหนึ่งชุด? ก็เพราะว่า พระพุทโธหรือพระอรหันต์แต่องค์ ท่านสามารถขยายอาหารแต่ละชุดออกไปเป็น 4-5ชุด ได้โดยอภินิหาร ปาฎิหารนั้น แต่เราจะมองเห็นได้ด้วยตาทิพย์เท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...