หลวงปู่เชย อมโร , พระเกจิเมืองจันทร์ , และคณาจารย์สายตะวันออก

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ทุเรียนทอด, 7 ตุลาคม 2010.

  1. กวาวชไม

    กวาวชไม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,336
    ค่าพลัง:
    +14,781
    ขอด้วยคนครับประวัติและปฏิปทาหลวงปู่พิศดุ...วัตถุมงคลที่หลวงปู่เมตตาอฐิษฐานจิตให้
     
  2. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,520
    ค่าพลัง:
    +13,262
    ขุนแผนหลวงปู่ที่ผมมีอยู่องค์เดียวครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PIC_0242.JPG
      PIC_0242.JPG
      ขนาดไฟล์:
      121.7 KB
      เปิดดู:
      2,573
    • PIC_0244.JPG
      PIC_0244.JPG
      ขนาดไฟล์:
      121.3 KB
      เปิดดู:
      2,425
  3. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +58,021

    ท่านแม่ศรีที่หลวงปู่เชยทำ เป็นเนื้อขาว มีทั้งฝังพลอยและไม่ฝังพลอย(ส่วนใหญ่จะฝัง) เท่าที่ทราบมา หลวงปู่เชยกดเองกับมือ ขอท้าวความเหตุที่หลวงปู่เชยท่านสร้าง "แม่ศรี" ก็เพราะว่า หลวงปู่ท่านนับถือมาก ท่านเคยบอกว่า แม่ศรีเป็นแม่ท่านเมื่อในอดีต(หลายชาติภพ) หลวงปู่เชยพบท่านแม่ศรีครั้งแรกที่วัดท่าซุง ตอนสมัยที่ไปต่อกรรมฐานกับ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านบอกว่าตอนไปถึงวัดท่าซุง หลวงพ่อฤาษีฯ ให้ท่านไปนั่งสมาธิในโบสถ์ พ่อนั่งไปสักพักจิตรวมตัว ก็มีคนมากดไหล่ท่านให้หงายหลังลง แต่หลวงปู่ท่านก็ฝืนขึ้นมานั่งต่อจนผ่านไปเป็นชั่วโมงๆ ก็เลยมาถามหลวงพ่อฤาษีฯว่า คนที่มากดไหล่เป็นใคร แต่หลวงพ่อฤาษีฯไม่ตอบ แต่บอกว่าให้รู้ ให้เห็นเองดีกว่า จนต่อมาไม่นาน หลวงปู่เชยก็สามารถแก้กรรมฐานที่ท่านติดอยู่ได้กระจ่าง สว่างไสว เพราะการชี้แนะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ทำให้ท่านได้ทราบว่า ท่านที่มากดไหล่ดังกล่าวนั่นก็คือ ท่านแม่ศรีฯ อดีตเคยเป็นแม่ของท่าน และท่านแม่ศรีก็เป็นแม่ใหญ่ เคยเกิดเป็นแม่ของทุกคนบนโลก ทุกคนบนโลกก็เคยเกิดเป็นลูกของท่าน ที่ท่านแม่ศรีมากดไหล่หลวงปู่เชย ก็เพราะต้องการทดสอบกำลังใจของท่าน หลวงปู่เชยอยู่กับหลวงพ่อฤาษีลิงดำได้ประมาณเดือนเศษ ก็กราบลาหลวงพ่อฤาษีฯกลับมายังวัดหนองหงษ์ ต่อมาก็ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ย้ายมาอยู่ที่เขาเจ้าหลาว ท่านแม่ศรีก็ตามมาหาท่านอีก หลวงปู่เชยเคยเล่าให้ฟังว่าตอนท่านแม่ศีมาหา หลวงปู่นั่งสมาธิอยู่ ก็มีเสียงเกิดขึ้นเป็นเสียงผู้หญิง แต่ไม่ใช่เสียงคนธรรมดา เสียงนั้น นุ่ม เย็น ไพเราะเพราะมาก เสียงนั้นบอกท่านว่า.... "ลูก กลับมาทำไมไม่บอกแม่ก่อน แม่ไปตามหาลูกที่วัดหนองหงษ์ เขาบอกว่าลูกย้ายมาอยู่เขาเจ้าหลาว แม่ก็เลยตามมาหา ต่อไปนี้ถ้าลูกจะทำอะไร ก็ขอให้บอกกับแม่ทุกครั้ง แม่จะมาช่วย ทุกเรื่อง" แล้วหลวงปู่เชยก็กำหนดดูและเห็นภาพของเจ้าของเสียงนั้น ก็ทราบว่าเป็นท่านแม่ศรี หลวงปู่บอกว่า รูปของท่านแม่ศรีสวยมากเพราะเป็นเทพชั้นสูง เป็นพระอริยะ รัศมีกายสว่างไสวมาก ตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่าหลวงปู่เชย จะทำงานอะไร หรือแม้แต่จะปลุกเสกของ วัตถุมงคลต่างๆ ท่านก็จะนึกถึงครูบาอาจารย์ของท่าน และท่านแม่ศรีทุกครั้ง ท่านแม่ศรีก็จะมาช่วยงานท่านในทุกเรื่อง

    เหตุที่สร้างแม่ศรีก็เพราะว่า หลวงปู่เชยท่านมีดำริจะจัดสร้างพระสักชุดหนึ่งก่อนมรณะภาพ เอาไว้แจก ตอนงานปรงสรีระของท่าน ท่านจึงตัดสินใจสร้าง "แม่ศรี" ขึ้นมา อีกในหนึ่งก็เป็นการแสดงกตัญญูรู้คุณ ระลึกถึงความดีของท่านแม่ศรีที่มีต่อท่านเสมือนแม่มีต่อลูก จนวาระสุดท้ายของชีวิตหลวงปู่ โดยหลวงปู่ท่านกำหนดรูปแบบสมมุติในองค์ท่านแม่ศรี ให้มีลักษณะคล้ายแม่ชี นั่งสมาธิ สร้างเป็นเนื้อสีขาว ผสมมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่หลวงปู่สะสมไว้ มีทั้งฝังพลอย และไม่ฝัง(ส่วนใหญ่จะฝัง) โดยหลวงปู่ท่านกดพิมพ์เองกับมือ และพิมพ์ลายนิ้วมือของท่านเอาไว้ที่ด้านหลังทุกองค์ ด้วยหมึกสีแดงส่วนหนึ่ง และสีดำอีกส่วนหนึ่ง จำนวนสร้างโดยประมาณ 2,000องค์ หลวงปู่เชยอธิษฐานจิตโดยอัญเชิญบารมีคุณพระศรีรัตนไตร ครูบาอาจารย์ทั้งหมด โดยมีท่านแม่ศรีเป็นที่สุด มาร่วมอนุโมทนา และสร้างเสกพระชุดนี้ ตลอดไตรมาสเป็นอย่างน้อย หลวงปู่บอกว่าพระชุดนี้ดีมาก สำคัญมาก ต่อไปคนถึงจะรู้คุณค่า...

    พระแม่ศรีเป็นอีกสิ่งมงคลหนึ่งที่หลวงปู่ตั้งใจสร้างเองทุกขั้นตอน ด้วยจิตเมตตาสงเคราะห์ พุทธคุณทุกด้าน เมตตา มหาลาภ แคล้วคลาด กันภัย อธิษฐานได้ดังแก้วสารพัดนึก


    พระปิดตารุ่นแรก ทาทองเนื้อออกปริๆไปทั่ว แบบที่ถามมานี้ มีครับ ผมเองก็เคยมี แต่เห็นไม่ค่อยสวย ก็เลยให้เขาไปแล้ว สาเหตุน่าจะมาจาก เนื้อพระร่วนเพราะใส่ตัวประสานน้อยครับ หรืออาจเพราะมวลสารหยาบ ใส่น้ำเยอะเกิน..ฯลฯ(มีหลายสาเหตุ) พระชุดนี้หลวงปู่ทำเองทุกองค์ มวลสารผสมมีหลายครกแต่ละครกก็ไม่ค่อยเท่ากัน คือกะๆเอาตามความเหมาะสมครับ



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2010
  4. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +58,021

    ครับ สาธุ..ครับพี่ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->wiraj<!-- google_ad_section_end --> ผมชอบครับที่มีผู้ออกความเห็นร่วมกันแบบนี้เพื่อข้อมูลที่สมบูรณ์แบบ ขอตอบแบบกลางๆนะครับ เท่าที่เคยสอบถามคุณลุงท่านนึงที่เป็นลูกศิษย์ยุคแรกของหลวงปู่เชย (ตามปากคำของคุณลุงท่านนี้) เขาบอกว่า หลวงปู่เชยอ่อนกว่า หลวงปู่เปี๊ยกมากจริงๆ แต่อาศรัยที่หลวงปู่เชย กับหลวงปู่เปี๊ยก ชอบแลกเปลี่ยนวิชากัน จึงบอกได้ยากว่าใครเป็นศิษย์-อาจารย์ แต่สำหรับผม ผมก็เชื่อว่า หลวงปู่เชยนับถือหลวงปู่เปี๊ยกเป็นอาจารย์องค์หนึ่งแน่นอน เพราะด้วย ประสบการณ์และพรรษาที่หลวงปู่เปี๊ยกแก่กว่าหลวงปู่เชยนั่นเองครับ และหลวงปู่เชยก็เคยช่วยหลวงปู่เปี๊ยกตัดกระป๋องอลูมิเนียม เพื่อทำตะกรุด แต่บางกระแสก็บอกว่า หลวงปู่เปี๊ยกเป็นน้องคนสุดท้อง จากพี่น้องทั้ง 4คน (ข้อมูลนี้เดี๋ยวต้องไปสืบประวัติให้แน่ชัดอีกครั้ง) แต่ที่แน่นอนที่สุด หลวงปู่เชยเป็นสายตรงหนึ่งเดียว ที่สืบทอดตำราวิชาตะกรุด และพระปิดตาในตำนานสายหลวงปู่ผุด วัดวังเวียน แน่นอนที่สุด เพราะได้ตำราเก่าแก่ผูกนั้นมาครอบครอง โดยผ่านช่วงมาจาก หลวงปู่เปี๊ยก ถึงหลวงปู่เชย ครับ สาธุ

    ตำราตะกรุดของหลวงปู่ผุดที่หลวงปู่เชยได้ไว้มีหลายอย่าง เช่น..ตะกรุดพระเจ้าปิดไฟ ตะกรุดมหาโจร ตะกรุดมหาระงับ...ฯลฯ แต่ยันต์ตะกรุดที่หลวงปู่เชยเอามาใช้สร้างส่วนใหญ่ และสร้างชื่อเสียงให้แก่หลวงปู่เชยมากนั้น ได้แก่ ตะกรุดยันต์พระเจ้าปิดไฟ เพราะหากดูจากตารางยันต์ที่ท่านตี และอักขระขอมที่ท่านจาร(เขียน)ใส่ไว้ในช่องตารางยันต์ อ่านขึ้นต้นได้ว่า นะปิดดิน โมปิดไฟ...ฯลฯ ซึ่งตำรายันต์นี้แม้แต่หลวงปู่กล้วย วัดหมูดุด ก็ยังมาคัดเอาไปทำบ้างเลย
    และบังเอิญที่สุดครับที่คุณพ่อของผม ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่ง ที่เป็นศิษย์ยุคแรกของหลวงปู่เชย ได้เคยขอเรียนจากหลวงปู่ และได้คัดลอกเอาไว้ในสมุดจด(บันทึก)เล่มเก่าของพ่อเอง มีทั้งคาถาปลุก และรูปยันต์ที่เหมือนกันกับที่หลวงปู่เชยท่านใช้ลงให้ศิษย์ ในสมุดจดของพ่อ บันทึกทุกอย่างเอาไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นตะกรุดยันต์พระเจ้าปิดไฟ ท่านพ่อผุดวัดวังเวียน และที่บ้านยังมีเสื้อยันต์ของคุณพ่อที่ฝากเอาเอาไปให้หลวงปู่กล้วย วัดหมูดุดลงให้อีก 2ตัว อยู่ในสภาพที่ใช้แล้ว1ตัว และเป็นยันต์ลายมือของหลวงปู่กล้วยจารเองเลย และบนคอเสื้อมีชื่อ-นามสกุลของพ่อ และข้อความว่า ท่านพ่อกล้วยลงยันต์พระเจ้าปิดไฟ เขียนไว้ เป็นลายมือของพ่อผมเอง นั่นก็(น่าจะ)แสดงว่า หลวงปู่กล้วยก็ต้องได้คัดลอกตำราตะกรุด ของหลวงปู่วัดวังเวียน มาจาก หลวงปู่เชย เพราะทั้งสองท่านก็สนิทสนมกันมาก ในฐานะหลวงปู่เชยนับถือหลวงปู่กล้วยครับ

    ควรมิควรอันใด หรือข้อมูลผิดพลาดประการใดผมขออภัย มาณ.โอกาศนี้ครับ สาธุ



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2010
  5. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +58,021

    ก็ดีนะครับ หากเห็นว่าอย่างนั้น จะได้สนทนากันได้กว้างขึ้น แต่สำหรับผมความรู้ในเรื่องของเกจิองค์อื่นๆผมมีข้อมูลน้อยนิด เพราะผมเองก็เป็นคน อ.ท่าใหม่ แต่มาอยู่ที่กรุงเทพฯ(เหมือนกัน..)ตั้งแต่อายุ 11ครับ มาเรียนหนังสือ และกลับที่ไปบ้าน เกือบทุกอาทิตย์(เหมือนกันอีก..)ก็ไปหาแต่หลวงปู่เชย ทำให้ไม่ค่อยทราบชีวะประวัติครูบาอาจารย์องค์อื่นเท่าที่ควร ยังไงขอให้ทุกท่านชี้แนะข้อมูลด้วยครับ จะได้เอามาประดับความรู้ด้วย ตั้งแต่หลวงปู่เชย ละสังขารลง ทางบ้านผมก็ได้รับความเมตตาจาก หลวงปู่พิศดู ธัมมะจารี และหลวงปู่ฟัก สันติธัมโม วัดเขาน้อย(สามผาน) โดยเฉพาะหลวงปู่ฟักนี้ บ้านผมนิมนต์มาทำบุญบ้านเกือบทุกปีครับ ท่านเมตตามาก ล่าสุดก่อนท่านละสังขารได้เจอท่านที่ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรฯ และได้เคยนิมนต์ท่านมาทำบุญที่บ้านในวันปีใหม่ไทย(สงกรานต์) และได้สรงน้ำท่าน ลุงผมเป็นผู้ใหญ่บ้าน นิมนต์ท่านเจิมรถไถ และป้ายโรงสีชุมชนให้ด้วย ผมก็เลยมีโอกาสได้นวดเท้าถวายท่านครับ

    ประวัติครูบาอาจารย์รุ่นเก่าๆบ้านเรา(จันทบุรี) น่าทึ่ง และน่าศึกษามาก ผมเองก็อยากทราบเรื่อราวนั้นๆเช่นกัน เอาเป็นว่า หากท่านใดมีข้อมูลเชิญลงเผยแพร่ได้เต็มที่เลยนะครับ สาธุด้วยครับ

    หลวงปู่เชยท่านไม่ได้อยู่วัดครับ ท่านมีเพียงอาศรม หรือกุฏิ อยู่จำพรรษาเพียงรูปเดียว ท่านตั้งชื่อว่า วิเวกไพรสน แต่ชื่อเรียกยาก คนเขาก็เลยเรียกว่า สำนักสงฆ์เขาจ้าวหลาว แต่หากเรียกว่า วัดจ้าวหลาวก็จะไปซ้ำกันกับ วัดจ้าวหลาว จริงๆที่มีอยู่ ที่อยู่เกือบถึงทางขึ้นไปทางจุดชมวิว วัดนี้มีคนเคยหลงไปหลายคนเพราะคิดว่าเป็นวัดของหลวงปู่เชย แต่จริงๆเลยอาศรมของหลวงปู่เชยไปแล้วครับ
    อาศรม หรือกุฏิหลวงปู่เชย จากท่าใหม่ ผ่านม.บูรพา ถึงวงเวียนที่มีรูปปลาพยูนสวยๆ แล้วเลียวฃ้ายไปอีกประมาณ 1 ก.ม. ด้านขวามือจะเป็นหาด แต่ให้สังเกตุด้านซ้ายมือจะมีทางเข้า เป็นซอย ที่มีป้ายมินิมาร์ท โรงแรม หลายๆป้ายซ้อนกันอยู่ปากซอย เข้าซอยไปประมาณ 3 กิโลเมตร ให้สังเกตุด้ายซ้ายมือเราจะเห็นเพิงพักเล็กๆ แล้วจะมีบรรไดขึ้นไปบนกุฏิไม่ไกลนัก นั่นแหละครับถึงแล้ว ส่วนบรรยากาศเก่าๆที่หลวงปู่เคยอยู่ไม่มีแล้ว จะมีก็เพียงกุฏิที่หลวงปู่ปลูกไว้ กับสถูปบรรจุอัฐิที่หลวงปู่ท่านสร้างเอาไว้รอล่วงหน้า ปัจจุบันนี้ถูกจัดให้เป็นที่พักสงฆ์ มีกุฏิขึ้นหลายหลัง ฝั่งตรงข้ามเป็นป่าปริวาส ก็น่าไปเที่ยวนะครับบรรยากาสดีมาก ข้างบนมีพระพุทธรูปและมีลานธรรมเล็กๆไว้ให้ญาติโยมมานั่งเวลาทำบุญ ท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันธุดงค์มาจาร จ.นครราชสีมา ผ่านมาเห็นสับปายะดีก็เลยปักกรดอยู่ ต่อมาได้ความศรัทธาจากชาวบ้าน เห็นว่าหลวงปู่เชยไม่อยู่แล้ว กลายเป็นกุฏิว่าง ก็เลยนิมนต์หลวงพ่อองค์นั้นอยู่แทน และท่านก็พัฒนาสถานธรรมแห่งนี้ให้เจริญขึ้นตามกำลังที่มีครับ



    .
     
  6. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +58,021

    ส่วนประวัติและปฏิทาขององค์หลวงปู่พิศดู ตอนนี้ยังไม่สะดวกนักครับ เพราะหลวงปู่เอง ท่านกำลังอาพาธหนัก ทางคณะศิษย์ที่ดูและจึงเกรงว่าจะกระทบธาตุขันธ์ท่านได้ เอาไว้ให้โอกาส และเวลาเหมาะสม ก็คงได้ทราบประวัติ ปฏิทา ปาฏิหาริย์ ฯลฯ ของท่านแน่ครับ รับรองด้วยใจเลยว่า ตั้งแต่เคยเจอพ่อแม่ครูอาจารย์มา หลวงปู่พิศดูนี่แหละสุดยอดที่สุดแล้ว



    โอ....เยี่ยมมากครับ นี่เป็นของดี ที่หลวงปู่อธิษฐานทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนขึ้นไปสุทธาวาสครับ




    .
     
  7. wiraj

    wiraj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    390
    ค่าพลัง:
    +1,630
    ดีใจที่ได้รู้จักกับคุณทุเรียนทอดครับ คนบ้านเดียวกันแล้วยังคอเดียวกันอีก

    ครูบาอาจารย์ทางท่าใหม่ที่ผมเคยได้กราบและคุ้นเคยนั้นมี 3 รูปครับ คือท่านพ่ออิน

    หลวงปู่ฟัก และท่านอาจารย์มนัส วัดทุ่งจันดำ

    ท่านพ่ออินนั้นมรณภาพไปตอนผมอยู่ ม.ต้น ท่านอาจารย์มนัสผมเรียกว่าท่านน้า เพราะก๋งผมรับน้องสาวท่านเป็นลูกบุญธรรม แต่ที่คุ้นเคย กล้าพูดว่าคุ้นเคยและรักเคารพท่านมากก็คือหลวงปู่ฟักนี่แหละครับ เสียดายท่านจากไปเร็วเหลือเกิน เข้าเดือนพฤศจิกายนนี่ผมใจคอห่อเหี่ยวไปหมด เดี๋ยวเดือนธันวาคมเขาก็จะประชุมเพลิงท่านแล้ว

    เดี๋ยวจะทยอยเขียนเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในประวัติของท่านเหล่านี้นะครับ ขออนุญาตท่านทุเรียนทอดด้วย ใส่ไว้ในเรื่องเดียวกันนี่แหละ คนอ่านเขาจะได้รู้จักครูบาอาจารย์หลายๆท่าน

    ผมมีน้องที่พ่อเขาคุ้นเคยกับท่านพ่อจิ่ม เดี๋ยวให้เขามาช่วยเขียนอีกคน
     
  8. nantapong

    nantapong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    913
    ค่าพลัง:
    +2,154
    มาเรียกน้ำย่อยก่อนนะครับ อิอิ

    ผ้ายันต์ท่านพ่อจิ่ม พ่อผมไปขอให้ท่านเขียนให้ แต่ช่วงนั้นท่านชรามากแล้ว

    ท่านบอกว่าให้เอาไปให้ท่านพ่อแฝกเขียนให้ เพราะมือท่านสั่น

    ส่วนพระองค์นี้ พ่อผมเรียกว่าเงี้ยวทิ้งปืน ท่านพ่อจิ่มให้พ่อผมมาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 101_2434.JPG
      101_2434.JPG
      ขนาดไฟล์:
      615.6 KB
      เปิดดู:
      513
    • 101_2429.JPG
      101_2429.JPG
      ขนาดไฟล์:
      721.3 KB
      เปิดดู:
      460
  9. wiraj

    wiraj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    390
    ค่าพลัง:
    +1,630
    ประเดิมด้วยเรื่องหลวงปู่อินก่อนนะครับ

    หลวงปู่อินในสมัยผมเด็กๆนั้น ท่านขึ้นชื่อเรื่องเป็นพระหมอและพระเมตตาครับ ใครเจ็บป่วยไปให้ท่านรักษาได้ ค้าขายท่านก็จะแจกปลัดขิกให้ ของป้าผมเป็นอันเล็กๆสีขาว มีจารเป็นแถวบริเวณลำตัว ท่านให้พร้อมบอกว่า "เอาไป..อีหนู ถ้าวันไหนค้าขายไม่ดี แล้วนึกถึงข้านะ"

    บนกุฎิของท่านจะมีปลัดขิกอันใหญ่อยู่ อันนี้ใช้ในการรักษาโรค ใครเจ็บ ปวดเมื่อยตรงไหน ก็ไปเอาปลัดขิกอันใหญ่นั้นตีไปตามบริเวณที่เจ็บปวด ไม่รู้ปัจจุบันปลัดขิกอันนี้ไปอยู่ไหน

    ผมเคยไปเดินที่สำเพ็งกับคุณป้าเพื่อซื้อของไปขายที่ร้านที่ท่าใหม่ เจอร้านหนึ่งมีรูปหลวงปู่อินกับปลัดขิกอันใหญ่อยู่ ป้าผมถามว่า "นี่ลื้อไปหาท่านพ่ออินถึงท่าใหม่เลยเหรอ" เขาตอบว่า "ใช่..ไปตั้งแต่รุ่นเตี่ยแล้ว ท่านเก่งเรื่องช่วยค้าขายมาก"


    ในสมัยที่ท่านยังแข็งแรง วัดลาดจะมีการจัดสวดภาณยักษ์ โดยมีหลวงปู่ทิมเข้าร่วมด้วย ใครที่มีของ หรือถูกกระทำย่ำยีทางไสยศาสตร์ ผ่านเข้ามาในเขตวัด ไม่ต้องถึงในปะรำพิธี เป็นต้องลงไปนอนดิ้นกันทุกราย ในสมัยนั้นยังไม่มีแฟชั่นสักตามตัวมากมายแล้วไปดิ้นในงานไหว้ครูเหมือนสมัยนี้นะครับ
     
  10. tatty

    tatty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    8,976
    ค่าพลัง:
    +8,226
    เผื่อใครอยากเห็นหน้าหลวงพ่ออิน วัดลาดครับ หารูปในเน็ตเท่าที่หาได้มาประกอบให้
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  11. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +58,021

    ยินดีครับ ช่วยกันเผยแพร่ ปฏิทาครูบาอาจารย์บ้านเรา สำหรับหลวงปู่ฟักนี่เป็นพระอริยะสงฆ์ ที่ได้รับสมญานามว่า"พระผู้มีจิตเมตตาเป็นสาธารณะ" และที่สำคัญ หลวงปู่ฟัก ยังเป็นพระสหธรรมกับพระครูบาอาจารย์ที่ผมให้ความเคารพนับถือ คือ หลวงปู่เชย และหลวงปู่พิศดูอีกด้วย หลวงปู่เชยเคยเล่าให้ผมฟัง ไม่ทราบว่าพี่ wiraj จะเคยฟังมาบ้างหรือไม่ เรื่องที่ว่า หลวงปู่เชยมาเยี่ยม หลวงปู่ฟักที่วัดเขาน้อย แล้วอยู่ๆผีเกิดไปเข้าคนที่วัด น่าจะเป็นญาติของหลวงปู่ฟักด้วย แล้วท่านทั้งสองช่วยกันแผ่เมตตาส่งวิญญานนั้น..ฯลฯ แต่สำหรับหลวงปู่พิศดู ท่านก็มีความเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ฟักเพราะเคยอยู่ด้วยกันมาก่อน ฯลฯ



    .
     
  12. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +58,021

    สาธุครับพี่ tatty หลวงปู่อินทร์ถือได้ว่าเป็นพระรุ่นเก่า รูปท่านส่วนใหญ่เลยเป็นภาพขาวดำใช่ไหมครับ พระเนื้อดินที่เห็นในรูป มีคนบอกว่า หลวงปู่อินทร์สร้างเองใช่ไหมครับ เผากันที่วัด สุมแกลบ แบบโบราณ มีหลายพิมพ์ เช่นพิมพ์พระพุทธซุ้มปรางค์ พิมพ์ขุนแผน ปฐมเทศนาปัญจวัคคี พระสิวลี(คล้ายหลวงพ่อกวยเลย) นางกวัก ซุ้มกอ ฯลฯ เนื้อพระแกร่ง ละเอียดดี ส่วนหนึ่งว่ากันว่าท่านแอบเอาไปฝังไว้ในที่ๆหนึ่งในวัดตอนกลางคืนมีคนไปด้วยหนึ่งคน แต่พอตอนเช้าตื่นมาคนที่ไปด้วยกับท่านกลับจำจุดที่ฝังพระชุดนี้ไม่ได้แล้ว แปลก... แต่เห็นว่า ที่วัดยังพอมีพระดินเผาดังกล่าว อาจจะเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย



    .
     
  13. tatty

    tatty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    8,976
    ค่าพลัง:
    +8,226
    ผมไม่ทราบข้อมูลเลยครับ พอดีเห็นกำลังเล่าประวัติท่านอยู่ แต่ไม่มีรูปภาพมาประกอบ ผมเลยหาในกูเกิ้ลมาให้ คนอ่านจะได้อารมณ์ อรรถรสเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย
     
  14. magictao

    magictao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,118
    ค่าพลัง:
    +3,529

    ขออนุญาตออกความเห็นเล้กน้อยนะครับ ไม่ทราบว่าขึ้นต้นว่านะบังรูป โมบังดิน พุทบังไฟ..... หรือเปล่าครับ ถ้าใช่บทนี้หลวงปู่เหรียญ วัดบางระโหงท่านก็ใช้ครับ
     
  15. wiraj

    wiraj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    390
    ค่าพลัง:
    +1,630
    เดี๋ยวผมกลับไปจันท์แล้วจะเอารูปเหรียญรุ่นหนึ่ง รูปหล่อบูชาเนื้อทองเหลืองรุ่นหนึ่ง(มีรุ่นเดียว) มาให้ดูกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2010
  16. wiraj

    wiraj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    390
    ค่าพลัง:
    +1,630
    เรื่องผีเข้าญาติหลวงปู่ไม่รู้ใช่เรื่องซีอุยไหมครับ ป้าที่เป็นพี่สาวกำนันชื่อดังที่สามผานเธอมีจิตอ่อน วิญญาณแทรกง่าย วันหนึ่งพวกสามผานไปเที่ยวกรุงเทพกัน และแวะเที่ยวโรงพยาบาลศิริราช ก็ไปเห็นร่างของซึอุยที่เขาสตาฟไว้ ป้าคนนี้แกก็นึกว่าซีอุยในใจ เมื่อมาถึงสามผาน ซึอุยก็เข้าแก แกวิ่งไปที่ตีนวัดเขาน้อยแต่ขึ้นไปไม่ได้ นั่งร้องไห้อยู่บอกว่าหิวเหลือเกิน คนเอาข้าวต้มกุ้ยมาให้กิน กินเป็นสิบๆชามแถมใช้ตะเกียบอีกต่างหาก(ป้าเขาเป็นคนไทยครับ ไม่ใช้ตะเกียบ)

    เขาบอกว่าป้าคนนี้ไปว่าเขา ไปนึกสมน้ำหน้าเขาในใจ เขาเลยเกาะท้ายรถมาด้วย มาถึงเห็นลุงคนหนึ่ง(พ่อของผู้ใหญ่บ้าน) กำลังชะโงกตักน้ำอยู่ ว่าจะผลักให้ตกบ่อ น่าแปลก คือลุงคนนั้นตอนยืนอยู่ปากบ่อในเวลาที่ซีอุยบอกแกรู้สึกหน้ามืดจริงๆ เกือบจะตกบ่อไป แล้วซีอุยก็เล่าว่าผ่านมาใครมาเห็นใครทำอะไรบ้าง ซึ่งตรงหมดทุกคนครับ

    ซีอุยบอกว่าจะขึ้นไปบนเขาแต่ขึ้นไม่ได้ มีคนตะบองถือไม้คอยไล่ตีอยู่ (หลวงปู่บอกว่าเป็นกายทิพย์ที่สถิตย์อยู่ที่เขาน้อย)

    หลวงปู่เทศน์อบรมและแผ่เมตตาให้ ซีอุยก็ออกไป ถ้าเป็นเรื่องนี้ก็น่าจะมีหลวงปู่เชยอยู่ช่วยแผ่เมตตาด้วย

    ใช่เรื่องนี้ไหมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2010
  17. wiraj

    wiraj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    390
    ค่าพลัง:
    +1,630
    คุณทุเรียนทอดรู้ไหม หลวงปู่ฟักท่านเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังตอนกลางคืนบนกุฏิท่านที่บนเขาน้อย บนเขานั้นไม่มีการเปิดไฟถ้าไม่จำเป็น มืดสนิทเลยครับ คุยเสร็จท่านตบท้ายว่า ที่ตีนเขาน่ะ เขาบอกว่ามีวิญญาณเยอะแยะมารอรับส่วนบุญอยู่ พูดเสร็จท่านส่งกระบอกไฟฉายให้ บอกว่า "เอ้า...5 ทุ่มแล้ว กลับบ้านไปนอนเถอะ"

    แล้วเด็ก(ในตอนนั้น)ที่กลัวผีอย่างสุดๆอย่างผมจะทำอย่างไร ผมบอกท่านว่า "ลงเขาไปไม่ได้ครับหลวงปู่ ขอพระเดินไปเพื่อนผมองค์หนึ่ง" หลวงปู่ท่านว่า "ฮื้อ!" แล้วก็ให้พระเดินไปเป็นเพื่อนผม ผมไม่กล้ามองสองข้างทางลงเขาเลยครับ มองตรงแน่วเฉพาะหน้าที่ไฟฉายส่องไปเท่านั้น ถึงตีนเขา พระท่านบอกว่า "อ้าว!...เมื่อกี้น่าจะเปิดไฟให้โยมนะ ลืมไป" ผมไม่ฟังแล้วครับ จ้ำอ้าวขึ้นรถเลย

    ผ่านมากว่า 20 ปี คุยกับหลวงพี่องค์นี้ถึงเรื่องนี้ทีไร ยังขำตัวเองทุกครั้งครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2010
  18. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +58,021

    อ้อ..ไม่ใช่ครับ หากแต่คล้ายกันมากกว่า ของหลวงปู่ท่านเป็นตำรายันต์ พระเจ้าปิดไฟ ครับ ตีตารางเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ช่องกลาง นับจากข้างบนลงมา 2ช่อง มีรูปพระปิดตาอยู่ด้วยครับ


    .
     
  19. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +58,021

    เป็นเรื่องเดียวกันครับ หลวงปู่เชยท่านเล่าให้ศิษย์ฟัง ตอนนั้นผมก็นั่งฟังอยู่ด้วย พอผีออกไปเสร็จ หลวงปู่เชยท่านก็เสกสายมงคลคล้องให้ด้วยครับ






    เยี่ยมเลยครับ ผมเองยังไม่เคยเห็นพระบูชาของท่านเลย



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2010
  20. magictao

    magictao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,118
    ค่าพลัง:
    +3,529
    ขอบคุณมากคร้าบ เอาไว้ถ่ายรูปมาให้ชมเป็นบุญตาบ้างสิครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...